admin

2 months ago

176

นำ AI มาใช้ซ่อมบำรุงเครื่องจักร ด้วย Predictive Maintenance

แนวทางในการเลือกใช้โปรแกรมซ่อมบำรุงคือ ส่วนหนึ่งของการบำรุงรักษาเครื่องจักรซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการดำเนินงานในอุตสาหกรรมการผลิต การเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องจักรและลดการหยุดชะงักในการผลิตจึงเป็นเป้าหมายหลักที่ทุกธุรกิจมุ่งหวัง บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจกับ Preventive Maintenance (PM) และข้อจำกัดของการ PM แบบเดิม พร้อมเปิดมุมมองใหม่เกี่ยวกับ Predictive Maintenance ที่นำเทคโนโลยี AI มาประยุกต์ใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบำรุงรักษาเครื่องจักร

Preventive Maintenance หรือการ pm เครื่องจักร คือ

Preventive Maintenance (PM) หรือการบำรุงรักษาเชิงป้องกันคือ กระบวนการตรวจสอบและซ่อมบำรุงเครื่องจักรเป็นระยะ ๆ ตามกำหนดเวลาโดยไม่รอให้เกิดความเสียหาย การ PM เครื่องจักรมีเป้าหมายเพื่อป้องกันการเกิดปัญหาที่อาจนำไปสู่ความเสียหายร้ายแรงและลดเวลาเครื่องจักรหยุดทำงานอย่างไม่คาดคิด หรืออธิบายให้สามารถเข้าได้ง่ายมากขึ้น การ PM เครื่องจักร คือ การกำหนดแผนบำรุงรักษาที่ชัดเจน เช่น การเปลี่ยนอะไหล่ที่มีอายุการใช้งานจำกัด การตรวจสอบระบบไฟฟ้า หรือการหล่อลื่นชิ้นส่วนที่ต้องการการดูแล ตัวอย่างงาน PM ที่พบบ่อยในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ได้แก่

  • การเปลี่ยนน้ำมันหล่อลื่นทุก 6 เดือน

การเปลี่ยนน้ำมันหล่อลื่นตามรอบเวลา เช่น ทุก 6 เดือน เป็นวิธีการป้องกันปัญหาที่มีประสิทธิภาพ เนื่องจากน้ำมันหล่อลื่นอาจเสื่อมสภาพจากการใช้งานและไม่สามารถทำหน้าที่ได้เต็มที่ การตรวจสอบและเปลี่ยนอย่างเหมาะสมจึงช่วยลดความเสี่ยงที่ชิ้นส่วนจะเสียดสีจนเกิดความเสียหาย อีกทั้งยังช่วยยืดอายุการใช้งานของเครื่องจักรและลดค่าใช้จ่ายในระยะยาว

  • การตรวจสอบอุณหภูมิของเครื่องจักรอย่างสม่ำเสมอ

อุณหภูมิของเครื่องจักรเป็นตัวชี้วัดสำคัญที่บ่งบอกถึงสถานะการทำงาน หากอุณหภูมิสูงเกินไป อาจเป็นสัญญาณเตือนว่าภายในเครื่องจักรกำลังมีปัญหา เช่น การหล่อลื่นไม่เพียงพอ ระบบระบายความร้อนบกพร่อง หรือมีชิ้นส่วนเสียดสีกันจนเกิดความร้อน การตรวจวัดอุณหภูมิอย่างสม่ำเสมอช่วยให้สามารถระบุปัญหาได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ และดำเนินการแก้ไขก่อนที่ปัญหาจะลุกลามจนกระทบต่อการผลิต

  • การตรวจสอบชิ้นส่วนที่สึกหรอและทำการเปลี่ยนก่อนที่จะเสียหาย

ชิ้นส่วนบางอย่าง เช่น สายพาน ลูกปืน หรือปะเก็น อาจมีอายุการใช้งานจำกัด การตรวจสอบชิ้นส่วนเหล่านี้และเปลี่ยนใหม่ก่อนที่จะเสียหายช่วยลดความเสี่ยงในการหยุดชะงักของการผลิต

  • การตรวจสอบระบบไฟฟ้าและการเชื่อมต่อ

ระบบไฟฟ้าเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้เครื่องจักรทำงานได้อย่างต่อเนื่อง ปัญหาที่เกิดขึ้น เช่น ไฟฟ้าลัดวงจร หรือการเชื่อมต่อที่หลวม อาจนำไปสู่การหยุดทำงานของระบบ การตรวจสอบสายไฟ ปลั๊ก และการเชื่อมต่อทางไฟฟ้าอย่างละเอียดช่วยป้องกันปัญหาเหล่านี้และเพิ่มความปลอดภัยให้กับทั้งเครื่องจักรและผู้ใช้งาน

  • การทำความสะอาดและตรวจสอบระบบระบายอากาศ

เครื่องจักรบางประเภท เช่น ระบบคอมเพรสเซอร์หรือปั๊ม อาจมีการสะสมของฝุ่นหรือสิ่งสกปรกที่ส่งผลต่อการระบายอากาศ การทำความสะอาดเป็นประจำช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน

  • การตรวจวัดแรงดันในระบบไฮดรอลิกหรือระบบลม

ระบบไฮดรอลิกและระบบลมเป็นกลไกที่สำคัญในเครื่องจักรหลายประเภท การตรวจสอบแรงดันเป็นประจำช่วยให้มั่นใจได้ว่าระบบทำงานภายใต้เงื่อนไขที่เหมาะสม แรงดันที่สูงหรือต่ำเกินไปอาจทำให้เครื่องจักรเสียหายหรือเกิดการหยุดชะงักที่ไม่คาดคิด การวัดและปรับแรงดันให้อยู่ในระดับที่ถูกต้องช่วยให้การทำงานมีเสถียรภาพ

  • การตรวจสอบฟังก์ชันการทำงานของเซนเซอร์และอุปกรณ์ควบคุม

เซนเซอร์และอุปกรณ์ควบคุมต่าง ๆ มีบทบาทสำคัญในกระบวนการผลิต หากเกิดความเสียหายหรือความผิดพลาด อาจส่งผลต่อคุณภาพของผลิตภัณฑ์ การตรวจสอบอย่างสม่ำเสมอช่วยให้การผลิตราบรื่นและลดปัญหาของเสีย

ข้อจำกัดของการ pm เครื่องจักรแบบเก่า

แม้การบำรุงรักษาเชิงป้องกันจะช่วยลดความเสี่ยงที่เครื่องจักรจะหยุดทำงาน แต่กระบวนการแบบเดิมยังมีข้อจำกัดที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพและต้นทุนการดำเนินงาน เช่น

ต้นทุนการบำรุงรักษาที่สูง

การกำหนดระยะเวลาบำรุงรักษาแบบคงที่ อาจทำให้เปลี่ยนอะไหล่หรือซ่อมแซมในช่วงที่เครื่องจักรยังสามารถใช้งานได้ ส่งผลให้เกิดต้นทุนที่ไม่จำเป็น

ความไม่แม่นยำในการวางแผน

การ PM แบบเดิมอาศัยข้อมูลเชิงเวลา (เช่น ชั่วโมงการทำงานหรือวันใช้งาน) แต่ไม่ได้คำนึงถึงสภาพการใช้งานจริง ทำให้บางครั้งอาจซ่อมช้าเกินไปหรือเร็วเกินความจำเป็น

ระยะเวลาที่ใช้ในการบำรุงรักษา

กระบวนการ PM แบบเดิมอาจต้องใช้เวลาหยุดเครื่องจักรนานเพื่อการตรวจสอบหรือบำรุงรักษา ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อกำหนดการผลิต

ไม่สามารถตรวจจับปัญหาล่วงหน้าได้

การ PM แบบเดิมไม่สามารถตรวจจับความผิดปกติที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เช่น การสั่นสะเทือนของเครื่องจักรหรือเสียงที่เปลี่ยนไป


การบำรุงรักษาเครื่องจักรด้วยการ Predictive Maintenance และการนำ ai ประยุกต์ใช้

Predictive Maintenance (PdM) หรือการบำรุงรักษาเชิงพยากรณ์ เป็นแนวทางใหม่ที่ใช้เทคโนโลยีในการคาดการณ์สถานะของเครื่องจักรเพื่อป้องกันปัญหาก่อนที่จะเกิดขึ้น PdM ไม่ได้อิงเฉพาะข้อมูลเชิงเวลาเหมือน PM แต่ใช้เซนเซอร์และ AI ในการเก็บและวิเคราะห์ข้อมูลแบบเรียลไทม์ ไม่ว่าจะเป็นการใช้ข้อมูลจากเครื่องจักร เช่น การสั่นสะเทือน อุณหภูมิ เสียง และข้อมูลการใช้งานอื่น ๆ มาวิเคราะห์ผ่านระบบ AI เพื่อคาดการณ์ความเสียหายล่วงหน้า ซึ่งช่วยให้ทีมงานสามารถดำเนินการซ่อมบำรุงในเวลาที่เหมาะสม ลดความเสี่ยงในการหยุดทำงานอย่างกระทันหัน

ในปัจจุบันการนำ AI (Artificial Intelligence) มาประยุกต์ใช้ในกระบวนการ Predictive Maintenance ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญและมีผลกระทบเชิงบวกอย่างมากต่อประสิทธิภาพของการบำรุงรักษาเครื่องจักร ด้วยคุณสมบัติของ AI ที่สามารถเรียนรู้และประมวลผลข้อมูลจำนวนมากได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ ช่วยให้กระบวนการ Predictive Maintenance มีความทันสมัยและตอบโจทย์ธุรกิจในหลากหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็น

การวิเคราะห์ข้อมูลจากเซนเซอร์แบบเรียลไทม์

AI ช่วยให้อุตสาหกรรมสามารถตรวจสอบสถานะของเครื่องจักรได้อย่างต่อเนื่องผ่านข้อมูลที่เก็บมาจากเซนเซอร์ เช่น อุณหภูมิ การสั่นสะเทือน เสียง หรือแรงดัน เซนเซอร์เหล่านี้จะส่งข้อมูลเข้าสู่ระบบ AI เพื่อวิเคราะห์แบบเรียลไทม์ หากพบความผิดปกติ เช่น การสั่นที่เพิ่มขึ้นผิดปกติ หรืออุณหภูมิที่สูงเกินค่ามาตรฐาน AI จะสามารถแจ้งเตือนทีมงานได้ทันทีเพื่อลดความเสี่ยงในการหยุดชะงัก

การคาดการณ์ปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

หนึ่งในจุดเด่นของ AI คือ ความสามารถในการเรียนรู้เชิงลึก (Deep Learning) ระบบสามารถวิเคราะห์ข้อมูลย้อนหลังเพื่อตรวจจับรูปแบบที่อาจนำไปสู่ปัญหาในอนาคต เช่น เครื่องจักรที่มีอัตราการสึกหรอเพิ่มขึ้น หรือมีพฤติกรรมการทำงานที่ผิดปกติ AI จะช่วยทำนายว่าเครื่องจักรส่วนใดมีแนวโน้มที่จะเสียหายและต้องการการซ่อมบำรุงล่วงหน้า

การแนะนำเวลาที่เหมาะสมสำหรับการบำรุงรักษา

นอกจากการแจ้งเตือนล่วงหน้า AI ยังสามารถกำหนดเวลาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการดำเนินการซ่อมบำรุง เช่น การหยุดเครื่องจักรในช่วงเวลาที่ไม่กระทบต่อการผลิต หรือการกำหนดเวลาสำหรับเปลี่ยนชิ้นส่วนที่เสื่อมสภาพ การวางแผนนี้ช่วยลดต้นทุนทั้งในด้านเวลาและทรัพยากรที่ใช้ในกระบวนการบำรุงรักษา

การสร้างแบบจำลองสถานะเครื่องจักรเพื่อทำนายความเสี่ยง

AI สามารถสร้างแบบจำลองการทำงานของเครื่องจักร ซึ่งเป็นแบบจำลองเสมือนที่จำลองพฤติกรรมการทำงานของเครื่องจักรในสภาพการใช้งานจริง ข้อมูลที่ได้จากแบบจำลองนี้ช่วยให้ผู้จัดการสามารถวิเคราะห์สถานะของเครื่องจักรและคาดการณ์ความเสี่ยงได้อย่างละเอียด เช่น การระบุว่าเครื่องจักรอาจเสียหายในอีก 2 เดือนข้างหน้า ซึ่งช่วยให้ธุรกิจสามารถเตรียมแผนรองรับได้ทันที


ZYCODA ให้บริการงานบำรุงรักษาเครื่องจักร พร้อมนำ AI มาช่วยในการวิเคราะห์

การทำ Predictive Maintenance คือ ก้าวสำคัญของการบำรุงรักษาเครื่องจักรในยุคดิจิทัล โดยการนำ AI มาประยุกต์ใช้ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน และยกระดับความปลอดภัยของกระบวนการซ่อมบำรุงอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น จากข้อจำกัดของการ PM แบบเดิม Predictive Maintenance ได้เข้ามาแก้ไขปัญหาเหล่านั้นด้วยความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูลแบบเรียลไทม์ หากคุณเป็นธุรกิจที่กำลังมองหาโซลูชันโปรแกรมซ่อมบำรุงที่ทันสมัย พวกเรา ZYCODA พร้อมนำเสนอระบบบำรุงรักษาเครื่องจักรด้วยเทคโนโลยี AI ที่สามารถตอบโจทย์การทำ Predictive Maintenance เครื่องจักรได้อย่างสมบูรณ์แบบมากกว่าที่เคย ด้วยประสบการณ์กว่า 15 ปี ทางทีมงานได้มีการพัฒนาออกมาทั้งหมด 3 รูปแบบ ได้แก่ Z-MPRO, Z-CONNECT และ Z-PAP ให้คุณสามารถเลือกใช้บริการได้ตามความต้องการของธุรกิจ



ขอข้อมูลเพิ่มเติม