admin

22 days ago

21

Lean Manufacturing คืออะไร? มีความสำคัญกับโรงงานอย่างไร

การผลิตแบบ lean manufacturing คือ

Lean Manufacturing หรือที่เรียกว่า "การผลิตแบบลีน" คือ แนวคิดในการจัดการกระบวนการผลิตที่มุ่งเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากรโดยการลดความสูญเปล่าในทุกด้าน เช่น เวลา ทรัพยากร และแรงงาน โดยที่ยังคงสามารถให้คุณค่าแก่ลูกค้าได้มากที่สุด แนวคิดนี้ไม่ได้มุ่งเน้นแค่การลดต้นทุนเท่านั้น แต่ยังมุ่งพัฒนาและปรับปรุงกระบวนการผลิตอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้กระบวนการผลิตมีความคล่องตัว ตอบสนองความต้องการของลูกค้า และยั่งยืนในระยะยาว การผลิตแบบลีน (Lean Manufacturing) มีต้นกำเนิดมาจาก Toyota Production System (TPS) หรือระบบการผลิตของโตโยต้าในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งถูกพัฒนาขึ้นโดย Taiichi Ohno และทีมงานของเขาในช่วงทศวรรษที่ 1940-1950 เพื่อสร้างระบบการผลิตที่มีความยืดหยุ่นสูง ลดความสูญเสีย และตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าได้ทันเวลา ระบบนี้ได้รับการยอมรับในวงกว้างในหลายอุตสาหกรรม รวมถึงอุตสาหกรรมการผลิตในทุกระดับ Lean Manufacturing มุ่งเน้นหลักการของการผลิตในเวลาที่เหมาะสม โดยการใช้วิธีการที่ช่วยลดการสูญเสียในกระบวนการผลิต ซึ่งเกิดจากการพิจารณาทั้งในด้านการผลิต วัตถุดิบ เวลา และแรงงานเพื่อให้กระบวนการผลิตมีประสิทธิภาพมากที่สุด


การผลิตแบบ lean manufacturing กับแนวคิด 8 waste

หนึ่งในแนวคิดที่สำคัญของ Lean Manufacturing คือการลดของเสียหรือ "Waste" ที่ไม่จำเป็นออกจากกระบวนการผลิต โดยมีการระบุความสูญเสียไว้ถึง 8 ประการที่ต้องได้รับการจัดการและกำจัด ซึ่งแนวคิดนี้ช่วยให้การผลิตมีความราบรื่นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยลดการใช้ทรัพยากรที่ไม่จำเป็น และช่วยให้กระบวนการผลิตสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากที่สุด ดังนี้

  • การผลิตเกินความต้องการ (Overproduction): การผลิตสินค้ามากเกินไปหรือเร็วกว่าความต้องการของลูกค้า ซึ่งจะทำให้เกิดการสะสมสินค้าคงคลังที่ไม่จำเป็น ส่งผลให้เกิดต้นทุนในการเก็บรักษาและการจัดการสินค้าคงคลังที่สูง
  • การรอคอย (Waiting): เวลาที่สูญเสียไปจากการที่เครื่องจักรหรือพนักงานต้องรอในการทำงาน เช่น การรอวัตถุดิบ, เครื่องมือ หรือข้อมูลที่จำเป็น ซึ่งทำให้กระบวนการผลิตหยุดชะงักและส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพ
  • การขนส่งที่ไม่จำเป็น (Transportation): การเคลื่อนย้ายวัตถุดิบหรือสินค้าภายในโรงงานมากเกินความจำเป็น ซึ่งไม่สร้างคุณค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์
  • กระบวนการที่เกินความจำเป็น (Overprocessing): การที่กระบวนการทำงานซับซ้อนเกินไปหรือมีขั้นตอนที่ไม่จำเป็น เช่น การตรวจสอบหรือการบำรุงรักษาที่มากเกินไป ซึ่งไม่เพิ่มคุณค่าให้กับลูกค้า
  • สินค้าคงคลังที่เกินความจำเป็น (Excess Inventory): การเก็บวัตถุดิบหรือสินค้าสำเร็จรูปในปริมาณที่มากเกินไป ซึ่งทำให้เกิดต้นทุนการจัดเก็บและการจัดการที่สูง รวมถึงเพิ่มความเสี่ยงในการเสื่อมสภาพของสินค้า
  • การเคลื่อนไหวที่ไม่จำเป็น (Motion): การเคลื่อนไหวของพนักงานหรือเครื่องจักรที่ไม่จำเป็น เช่น การเดินไปที่อื่นเพื่อหาวัตถุดิบ หรือการเคลื่อนย้ายสินค้าที่ไม่เพิ่มคุณค่าให้กับกระบวนการ
  • การผลิตสินค้าที่มีข้อบกพร่อง (Defects): การผลิตสินค้าที่มีข้อบกพร่อง ทำให้ต้องมีการซ่อมแซมหรือทำใหม่ ส่งผลให้เสียเวลาและทรัพยากรเพิ่มเติม
  • การไม่ใช้ประโยชน์จากความคิดสร้างสรรค์ของพนักงาน (Non-utilized Talent): การที่พนักงานมีทักษะหรือความสามารถที่ไม่ได้ถูกนำมาใช้ในการปรับปรุงกระบวนการหรือพัฒนาผลิตภัณฑ์ ส่งผลให้สูญเสียโอกาสในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และกระบวนการผลิต

การระบุและกำจัดความสูญเสียทั้ง 8 ประการนี้ไม่เพียงแต่ช่วยลดต้นทุนในการผลิต แต่ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน โดยการสร้างกระบวนการที่ไม่มีการหยุดชะงักและสามารถดำเนินงานได้อย่างราบรื่น


จุดประสงค์หรือประโยชน์ของระบบ lean manufacturing คือ

การใช้ Lean Manufacturing มีจุดประสงค์หลักในการลดความสูญเปล่าและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต โดยมีประโยชน์ที่สำคัญดังนี้

  • ลดต้นทุนการผลิต: การนำ Lean Manufacturing มาใช้ในโรงงานช่วยลดต้นทุนการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยการกำจัดความสูญเสียที่เกิดขึ้นในกระบวนการผลิต ตัวอย่างเช่น การลดสินค้าคงคลังที่ไม่จำเป็น ซึ่งช่วยลดต้นทุนการจัดเก็บและการบริหารสินค้าคงคลัง การลดเวลารอคอยจากการที่เครื่องจักรหรือพนักงานต้องรอวัสดุและข้อมูลช่วยให้กระบวนการทำงานราบรื่นและรวดเร็วขึ้
  • เพิ่มคุณภาพของผลิตภัณฑ์: การผลิตที่มุ่งเน้นการปรับปรุงกระบวนการอย่างต่อเนื่องจะส่งผลให้สินค้าที่ผลิตออกมามีคุณภาพสูงขึ้น การใช้ Lean Manufacturing ช่วยให้โรงงานสามารถระบุปัญหาและข้อบกพร่องในกระบวนการผลิตได้อย่างรวดเร็ว ทำให้สามารถแก้ไขข้อผิดพลาดได้ทันที ก่อนที่มันจะส่งผลต่อคุณภาพของผลิตภัณฑ์ที่ออกมาถึงมือลูกค้า การลดความผิดพลาดในกระบวนการผลิตทำให้สินค้ามีคุณภาพที่คงที่และตรงตามมาตรฐานที่กำหนด
  • เพิ่มความยืดหยุ่นในการผลิต: หนึ่งในประโยชน์สำคัญของการใช้ Lean Manufacturing คือการเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับระบบการผลิต ระบบลีนช่วยให้โรงงานสามารถปรับตัวได้อย่างรวดเร็วและมีความยืดหยุ่นสูงเมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงในความต้องการของตลาดหรือคำสั่งซื้อของลูกค้า เช่น การเพิ่มหรือปรับลดจำนวนการผลิตได้โดยไม่ทำให้เกิดความล่าช้าและการหยุดชะงักในกระบวนการผลิต ซึ่งช่วยให้โรงงานสามารถตอบสนองได้ทันท่วงทีและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
  • เพิ่มความพึงพอใจของลูกค้า: ความสามารถในการผลิตสินค้าที่มีคุณภาพสูงและส่งมอบตามเวลาที่กำหนดเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในการรักษาความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างโรงงานกับลูกค้า Lean Manufacturing ช่วยให้โรงงานสามารถผลิตสินค้าที่มีคุณภาพและส่งมอบในเวลาที่ลูกค้าต้องการ การทำเช่นนี้ไม่เพียงแค่ช่วยเพิ่มความพึงพอใจให้กับลูกค้า แต่ยังช่วยเสริมสร้างความไว้วางใจและความภักดีของลูกค้าที่มีต่อแบรนด์และผลิตภัณฑ์ของโรงงาน 
  • การมีส่วนร่วมของพนักงาน: การนำ Lean Manufacturing มาใช้ไม่ได้หมายถึงแค่การปรับปรุงกระบวนการผลิตเพียงอย่างเดียว แต่ยังรวมไปถึงการพัฒนาทักษะและการมีส่วนร่วมของพนักงานในการปรับปรุงกระบวนการต่างๆ ในการผลิต พนักงานเป็นส่วนสำคัญในการระบุปัญหาหรือข้อบกพร่องในกระบวนการและสามารถเสนอแนวทางในการปรับปรุงหรือทำให้กระบวนการมีประสิทธิภาพมากขึ้น
  • การสร้างความยั่งยืน: การใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพใน Lean Manufacturing ไม่เพียงแต่ช่วยลดต้นทุนการผลิต แต่ยังช่วยให้กระบวนการผลิตมีความยั่งยืนในระยะยาว การลดการใช้วัสดุที่ไม่จำเป็นและการลดความสูญเสียต่างๆ ช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมได้ ตัวอย่างเช่น การลดปริมาณขยะจากการผลิต การลดการใช้น้ำหรือพลังงานในการผลิตที่ไม่จำเป็น
  • ลดเวลาการผลิต: การปรับปรุงกระบวนการผลิตให้มีความต่อเนื่องและไม่มีความล่าช้าเป็นจุดเด่นของ Lean Manufacturing การลดเวลาการผลิตหมายถึงการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน เช่น การปรับลดระยะเวลาในการตั้งเครื่องจักรหรือการลดเวลาที่ใช้ในการรอวัสดุ การลดขั้นตอนที่ไม่จำเป็นและการทำให้ทุกกระบวนการในสายการผลิตมีความราบรื่นสามารถลดเวลาที่ใช้ในการผลิตแต่ละหน่วยได้


CMMS เครื่องมือส่งเสริมการผลิตแบบ lean ด้วยการทำให้ระบบการผลิตมีความต่อเนื่อง

หนึ่งในเครื่องมือที่สำคัญในการส่งเสริม Lean Manufacturing คือ CMMS หรือ Computerized Maintenance Management System ซึ่งเป็นระบบการจัดการบำรุงรักษาเครื่องจักรและอุปกรณ์ที่ช่วยให้การบำรุงรักษาเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ การใช้ CMMS จะช่วยให้โรงงานสามารถตรวจสอบสถานะของเครื่องจักรและอุปกรณ์ต่างๆ ได้อย่างทันที การบำรุงรักษาที่มีประสิทธิภาพทำให้เครื่องจักรทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ ลดการหยุดชะงักในการผลิต และทำให้กระบวนการผลิตมีความต่อเนื่อง ดังนั้นการใช้โปรแกรมซ่อมบำรุง CMMS จึงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการผลิต ลดเวลาหยุดงานที่ไม่คาดคิด และลดต้นทุนในการบำรุงรักษา นอกจากนี้ระบบ CMMS ยังช่วยในการวางแผนการบำรุงรักษาเครื่องจักรโดยใช้ข้อมูลจากประวัติการบำรุงรักษาก่อนหน้านี้ ทำให้สามารถคาดการณ์ปัญหาที่อาจเกิดขึ้นและทำการบำรุงรักษาเครื่องจักรล่วงหน้าได้ การใช้ระบบ CMMS ร่วมกับ Lean Manufacturing จึงช่วยให้กระบวนการผลิตมีความคล่องตัวและตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ดีขึ้น


สรุ

Lean Manufacturing เป็นแนวคิดที่มุ่งเน้นการลดความสูญเปล่าในกระบวนการผลิตและการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้กระบวนการผลิตสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน เครื่องมือที่ช่วยสนับสนุนการดำเนินการนี้ เช่น โปรแกรมซ่อมบำรุง CMMS จาก ZYCODA ช่วยให้การบำรุงรักษาเครื่องจักรมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้กระบวนการผลิตสามารถดำเนินไปได้อย่างราบรื่น ลดความล่าช้าและต้นทุน นอกจากนี้ยังช่วยส่งเสริมการพัฒนาที่ยั่งยืนทั้งในด้านการผลิตและความพึงพอใจของลูกค้า



ขอข้อมูลเพิ่มเติม